รองเท้า Training คืออะไร? เลือกอย่างไรให้เหมาะสม?

รองเท้า Training คือ อีกหนึ่งไอเทมสำคัญสำหรับสายออกกำลังกาย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการเทรนนิ่งแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเวทเทรนนิ่ง คาร์ดิโอ หรือ Functional Training เพราะรองเท้าชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการเคลื่อนไหวรอบทิศทาง แตกต่างจากรองเท้าวิ่งหรือรองเท้าเดินที่รองรับแค่การเคลื่อนไหวในแนวตรง
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับรองเท้า Training ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งรูปแบบการออกกำลังกายและความสบายในการสวมใส่ สายออกกำลังไม่ควรพลาดบทความนี้!
รองเท้า Training คืออะไร?
รองเท้า Training (เทรนนิ่ง) คือ รองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกายที่หลากหลายและเน้นการเคลื่อนไหวหลายทิศทาง เช่น การยกน้ำหนัก การฝึกแบบครอสฟิต (CrossFit) คาร์ดิโอ บอดี้เวท หรือการออกกำลังกายที่ต้องมีการกระโดด เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน โดยรองเท้า Training จะมีคุณสมบัติที่ช่วยรองรับแรงกระแทก ให้ความมั่นคง และการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ทำไมต้องใส่รองเท้าเทรนนิ่ง?
การสวมใส่รองเท้า Training ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการออกกำลังกาย หากคุณออกกำลังกายที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวรอบทิศทาง การยกน้ำหนัก หรือการกระโดด หากใช้รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้าวิ่ง อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย เพราะรองเท้าวิ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกจากการวิ่งไปข้างหน้าเป็นหลัก ไม่ได้ให้ความมั่นคงด้านข้างที่จำเป็นสำหรับการเคลื่อนไหวแบบอื่น ๆ
ดังนั้นการเลือกรองเท้าเทรนนิ่งที่เหมาะสมจึงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ และช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น
รองเท้าเทรนนิ่ง/รองเท้าเดิน/รองเท้าวิ่ง แตกต่างกันอย่างไร?
แม้จะดูคล้ายกัน แต่รองเท้าทั้งสามประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
- รองเท้าเทรนนิ่ง (Training Shoes)
ออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวแบบรอบทิศทาง (Lateral movements, jumping, lifting) มีพื้นรองเท้าที่ค่อนข้างแบนและกว้าง เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการยกน้ำหนัก และมีส่วนหุ้มส้นเท้าที่แข็งแรงเพื่อรองรับการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว พื้นรองเท้าด้านนอกมักมีลวดลายที่ช่วยยึดเกาะได้ดีบนพื้นผิวที่หลากหลาย
- รองเท้าเดิน (Walking Shoes)
จะเน้นที่ความสบายและการรองรับแรงกระแทกในแนวตั้ง (Vertical impact) เหมาะสำหรับการเดินเป็นเวลานาน มีความยืดหยุ่นในส่วนหน้าเท้าเพื่อให้ก้าวเดินได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมักจะมีน้ำหนักเบากว่ารองเท้าประเภทอื่น ๆ
- รองเท้าวิ่ง (Running Shoes)
ออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า และการรองรับแรงกระแทกซ้ำ ๆ จากการลงน้ำหนักขณะวิ่ง โดยจะมีพื้นรองเท้าที่หนาและนุ่มเพื่อการดูดซับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม และมีการออกแบบที่เน้นการส่งแรงไปข้างหน้า
จะเห็นได้ว่ารองเท้าแต่ละประเภทมีจุดเด่นและการออกแบบเฉพาะตัว เพื่อตอบสนองการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับกิจกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดในทุกก้าวของคุณ
วิธีการเลือกรองเท้า Training
การเลือกรองเท้า Training ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ ซึ่งมีทริคในการเลือกดังนี้
- เลือกจากประเภทการออกกำลังกาย
- เวทเทรนนิ่ง/ยกน้ำหนัก ให้เลือกรองเท้าที่มีพื้นแบนและแข็ง เพื่อความมั่นคงสูงสุดในการยกน้ำหนักหนัก ๆ ช่วยให้เท้าไม่โยกและกระจายน้ำหนักได้ดี
- CrossFit/Functional Training ให้มองหารองเท้าที่ผสมผสานความมั่นคงและการรองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม รองเท้ารูปแบบนี้ต้องรองรับการเคลื่อนไหวได้หลากหลาย เช่น การกระโดด การยกน้ำหนัก และการวิ่งระยะสั้น เป็นต้น
- คาร์ดิโอ/บอดี้เวท ให้เลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักเบาและมีความยืดหยุ่นดี เพื่อรองรับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและการกระโดด
- เลือกรองเท้าที่มีความมั่นคงและยึดเกาะดี ซึ่งควรมีพื้นรองเท้าที่กว้างและแบน เพื่อให้ความมั่นคงในการเคลื่อนไหวรอบทิศทาง และพื้นรองเท้าด้านนอกควรมีลวดลายที่ช่วยในการยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นยิมเรียบ ๆ หรือพื้นผิวอื่น ๆ เป็นต้น
- เลือกที่การรองรับแรงกระแทก แม้ว่ารองเท้า Training จะไม่ได้เน้นการรองรับแรงกระแทกเท่ารองเท้าวิ่ง แต่ก็ยังคงมีความสำคัญสำหรับการกระโดดหรือการเคลื่อนไหวที่มีแรงกระแทกสูงเช่นกัน จึงควรเลือกรุ่นที่มีการรองรับแรงกระแทกที่เพียงพอแต่ไม่นุ่มจนเกินไปจนทำให้สูญเสียความมั่นคง
- เลือกรองเท้าที่โอบรับเท้าได้อย่างกระชับพอดี ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป เพื่อป้องกันการเสียดสีและรองรับการเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่
- เลือกวัสดุที่มีความทนทานและระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณออกกำลังกายอย่างหนักและมีเหงื่อออกมาก
รองเท้า Training ยี่ห้อไหนดี?
ปัจจุบันมีรองเท้า Training คุณภาพดีให้เลือกมากมายจากหลากหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกรองเท้าที่เหมาะที่สุดจึงขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและประเภทการออกกำลังกายที่คุณเน้นเป็นหลัก โดยแบรนด์ยอดนิยมในกลุ่มสายฟิตเนส ได้แก่ Nike, Adidas, Reebok, Under Armour และ Puma ซึ่งต่างก็มีรุ่นฮิตที่ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานเฉพาะทาง เช่น Nike Metcon ที่โดดเด่นเรื่องความมั่นคงสำหรับการยกน้ำหนัก หรือ Adidas Adipower ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกดในท่า Squat ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
รองเท้า Training สามารถใส่เดินเที่ยวได้ไหม?
สามารถใส่ได้ แต่ก็มีข้อควรพิจารณาอยู่บ้าง เพราะรองเท้า Training ถูกออกแบบมาเพื่อความมั่นคงและการรองรับการเคลื่อนไหวที่หลากหลายในการออกกำลังกาย ทำให้พื้นรองเท้ามักจะแบนและแข็งกว่ารองเท้าเดินหรือวิ่งที่เน้นความนุ่มสบายและการรองรับแรงกระแทกจากการเดินระยะยาว
ดังนั้นการใส่รองเท้า Training เดินเที่ยวอาจไม่ได้ให้ความสบายเท่ารองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับการเดินโดยเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเดินเป็นเวลานานหรือเดินในระยะทางไกล ๆ อย่างไรก็ตาม หากเป็นการเดินที่ไม่ไกลมากหรือเดินในชีวิตประจำวันทั่วไป ก็สามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหา
รองเท้าเทรนนิ่ง ใส่วิ่งได้ไหม?
ไม่แนะนำให้ใช้รองเท้าเทรนนิ่งใส่วิ่งในระยะทางไกล ๆ หรือใส่วิ่งเป็นประจำ แม้ว่ารองเท้า Training จะสามารถใช้ในการวิ่งระยะสั้น ๆ เช่น การวิ่งวอร์มอัพ หรือการวิ่งสลับในการออกกำลังกายแบบ Functional Training ได้ แต่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกซ้ำ ๆ และการส่งแรงไปข้างหน้าเหมือนรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ การนำไปใช้วิ่งเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ข้อเข่า ข้อเท้า หรือหน้าแข้งได้ เนื่องจากขาดการรองรับแรงกระแทกที่เพียงพอและมีการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติสำหรับการวิ่งระยะยาว
7 รองเท้า Training ที่เทรนเนอร์หลายคนแนะนำ
รวม 7 รุ่นรองเท้า Training ยอดนิยมที่มักจะได้รับการแนะนำจากเทรนเนอร์และผู้ใช้งานจริง อาทิ
- Nike Metcon Series เช่น Metcon 9 หรือ Metcon X ที่โดดเด่นเรื่องความมั่นคงสูงสำหรับการยกน้ำหนักและมีความทนทาน เหมาะสำหรับ CrossFit
- Reebok Nano Series เช่น Nano X4 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับ CrossFit ที่มีความสมดุลระหว่างความมั่นคงและความยืดหยุ่นได้ดี
- Adidas Dropset 2 ถูกออกแบบมาเพื่อการยกน้ำหนักโดยเฉพาะ ด้วยพื้นรองเท้าที่มั่นคงและส่วนหุ้มข้อเท้าที่ให้การรองรับที่ดี
- Under Armour Project Rock 6 สร้างสรรค์ร่วมกับ Dwayne “The Rock” Johnson เน้นความมั่นคง การรองรับแรงกระแทก และความทนทานสูง
- Puma Fuse 2.0 รองเท้า Training ที่ให้ความมั่นคงดีเยี่ยมในราคาที่เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับเวทเทรนนิ่งและการฝึกแบบ Functional
- Nobull Trainer+ รองเท้าที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม CrossFit มีดีไซน์เรียบง่าย แต่ให้ประสิทธิภาพและความทนทานสูง
- Brooks Adrenaline GTS (บางรุ่นที่เน้นความมั่นคง) ถึงแม้จะเป็นรองเท้าวิ่ง แต่บางรุ่นของ Brooks ที่เน้น Stability ก็สามารถนำมาใช้ในการออกกำลังกายเบา ๆ ที่ต้องการความมั่นคงได้
สรุป
การเลือกรองเท้า Training ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การออกกำลังกายของคุณมีทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากรองเท้าประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวหลากหลายทิศทาง แตกต่างจากรองเท้าวิ่งหรือรองเท้าเดินที่เน้นการเคลื่อนไหวในแนวตรง
การเลือกรองเท้าที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากประเภทการออกกำลังกายที่คุณทำบ่อยที่สุด รวมถึงความมั่นคง การรองรับแรงกระแทก ความกระชับ และวัสดุที่ใช้ เพราะการลงทุนในรองเท้าที่ตรงกับการใช้งานจะช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ และทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายด้านสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น
หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ลองปรึกษาเทรนเนอร์ฟิตเนสหรือเทรนเนอร์ส่วนตัวจาก Personal Trainer Thailand ได้เลย เราสามารถช่วยออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณ พร้อมแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างรองเท้าออกกำลังกายที่เหมาะกับสไตล์การเทรนของคุณได้อย่างตรงจุด